ผลของโปรแกรมการสอนบนเว็บต่อสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา ของสตรีตั้งครรภ์

Abstract

การเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาให้ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ปัจจัยที่สำคัญยิ่งคือสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา การศึกษาวิจัยแบบกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการสอนบนเว็บต่อสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาของสตรีตั้งครรภ์ กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีตั้งครรภ์ไตรมาส 3 จำนวน 48 ราย ที่มาฝากครรภ์ในแผนกฝากครรภ์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม 2558 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติที่กำหนด แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมจำนวน 23 รายและกลุ่มทดลองจำนวน 25 ราย จับคู่กลุ่มตัวอย่างให้มีลักษณะคล้ายคลึงกันดังนี้ 1) ระดับคะแนนสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา 2) อายุ 3) การศึกษา และ 4) ระยะเวลาในการลาคลอด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการสอนบนเว็บที่สร้างขึ้นตามแนวคิดสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา และการทบทวนวรรณกรรม เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาของเดนนิส (Dennis, 2003) ที่แปลเป็นภาษาไทยโดยอุษณีย์ จินตะเวช (2553) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณา และสถิติทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการใช้โปรแกรมการสอนบนเว็บ กลุ่มทดลองมีสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .001) ภายหลังการใช้โปรแกรมการสอนบนเว็บ กลุ่มทดลองมีสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .001) ผลการวิจัยครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมการสอนบนเว็บสามารถเพิ่มสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาของสตรีตั้งครรภ์ ดังนั้นพยาบาลผดุงครรภ์ควรนำมาใช้ในการปฎิบัติเพื่อส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนในการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาของสตรีตั้งครรภ์

The success of breastfeeding depends on many factors. An important factor is maternal breastfeeding self-efficacy. The purpose of this quasi-experimental research was to study the effect of a web-based instruction program on breastfeeding self-efficacy among pregnant women. The subjects, 48 pregnant women in their third trimester, were recruited from the antenatal care unit, Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital from June to October 2015. Subjects were selected using the inclusion criteria and were assigned to a control group (23 subjects) or an experimental group (25 subjects). Each pair of subjects was matched for the control or experimental groups based on criteria of 1) level of breastfeeding self-efficacy score, 2) maternal age, 3) education level, and 4) duration of maternal leave. The research instrument was the web-based instruction program based on the breastfeeding self-efficacy concept and literature review. The data collection tool was the breastfeeding self-efficacy questionnaire developed by Dennis (2003) and translated into Thai by Jintrawet (2010). Data were analyzed using descriptive statistics and t-test. The results of the study revealed that: After participating in the web-based instruction program, the experimental group had a significantly higher breastfeeding self-efficacy than before participating in the web-based instruction program (p<0.001). After participating in the web-based instruction program, the experimental group had a significantly higher breastfeeding self-efficacy than the control group (p<0.001). The result of this study demonstrates that the web-based instruction program can increase breastfeeding self-efficacy in pregnant women. Therefore, nurse-midwives should use this in practice to promote breastfeeding self-efficacy in pregnant women.