Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67419
Title: | ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิตของแพทย์และพยาบาล |
Other Titles: | Knowledge and Attitude Regarding Advance Directives for End of Life Care Among Physicians and Nurses |
Authors: | พิชรา บุสษา พิกุล พรพิบูลย์ สุดารัตน์ สิทธิสมบัติ |
Authors: | พิชรา บุสษา พิกุล พรพิบูลย์ สุดารัตน์ สิทธิสมบัติ |
Keywords: | คำสั่งล่วงห;หนังสือแสดงเจตน;การดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิต;ความรู้;ทัศนคติ |
Issue Date: | 2562 |
Publisher: | คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Citation: | พยาบาลสาร 46,3 (ก.ค.-ก.ย. 2562) 38-48 |
Abstract: | การทำหนังสือแสดงเจตนาเป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ป่วยสามารถบอกผู้ให้การดูแลสุขภาพได้ทราบถึงความปรารถนาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตน เอกสารดังกล่าวนี้ระบุถึงการตัดสินใจด้านการรักษาทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพในวาระท้ายของชีวิตเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง ความรู้และทัศนคติของแพทย์และพยาบาลมีความสำคัญในการใช้เอกสารการดูแลล่วงหน้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงพรรณนาครั้งนี้เพื่ออธิบายความรู้และทัศนคติของแพทย์และพยาบาลเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิต ผู้ร่วมการศึกษาประกอบด้วยแพทย์ จำนวน 209 คนและพยาบาล จำนวน 316 คน ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิต และ 3) แบบสอบถามทัศนคติเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิต แบบสอบถามทั้งหมดสร้างโดยผู้วิจัยตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 12 และการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าเครื่องมือทั้งหมดได้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาและความเชื่อมั่น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาผลการศึกษาพบว่า1. กลุ่มตัวอย่างแพทย์จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 52.15) มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิตในระดับสูง ในขณะที่ร้อยละ 36.85 มีความรู้ระดับปานกลาง2. กลุ่มตัวอย่างพยาบาลส่วนใหญ่ (ร้อยละ 73.10) มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิตในระดับสูง ในขณะที่ร้อยละ 25.30 มีความรู้ระดับปานกลาง 3. กลุ่มตัวอย่างแพทย์จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 55.50) มีทัศนคติเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิตในระดับปานกลาง ในขณะที่ร้อยละ 44.50 มีทัศนคติระดับสูง 4. กลุ่มตัวอย่างพยาบาลส่วนใหญ่ (ร้อยละ 62.66) มีทัศนคติเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าสำหรับการดูแลในวาระท้ายของชีวิตในระดับปานกลาง ในขณะที่ร้อยละ 37.34 มีทัศนคติระดับสูง ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้และทัศนคติของแพทย์และพยาบาลเกี่ยวกับการทำหนังสือแสดงเจตนาสำหรับวาระท้ายต่อไป ข้อค้นพบเหล่านี้ชี้แนะถึงความต้องการวิธีการในการส่งเสริมความรู้และทัศนคติของบุคลากรด้านสุขภาพ การวิจัยครั้งต่อไปควรทำเพื่อแสวงหาวิธีการที่มีประสิทธิผลในการส่งเสริมความรู้และทัศนคติของแพทย์และพยาบาล |
Description: | วารสาร พยาบาลสาร Nursing Journal วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ ความรู้ทางการพยาบาลและสุขภาพ 2. เพื่อส่งเสริมงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลและสุขภาพ 3. เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างบุคลากรที่อยู่ในวงการวิชาชีพการพยาบาล |
URI: | https://www.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/218499/151337 http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67419 |
ISSN: | 0125-5118 |
Appears in Collections: | CMUL: Journal Articles |
Files in This Item:
There are no files associated with this item.
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.