Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/78086
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorโสระยา ร่วมรังษ์-
dc.contributor.advisorชัยอาทิตย์ อิ่นคา-
dc.contributor.authorสุกฤฏิ์พงษ์ กมลสิทธิ์en_US
dc.date.accessioned2023-06-20T10:49:49Z-
dc.date.available2023-06-20T10:49:49Z-
dc.date.issued2022-01-
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/78086-
dc.description.abstractThe effects of bulb size, fertilizer application and shading on growth and bulb formation of tulip were carried out in 2 experiments. The experiment was conducted from November to December 2020 under average temperature 25.76 'C and relative humidity 57.7 percent. Experiment 1: Studied on the effect of fertilizer formula, fertilizer rate and bulb size on growth and new bulb yeild of tulip 'Strong Gold'. The experimental design was Factorial in CRD. Plants were supplied with 3 factors, i.e: 1) four types of fertilizer formula (15-15-15, 18-46-0, 13-0-36 and 0-52-34) 2) three levels of fertilizer rate (4, 8 and 12 g/m') and 3) two levels of bulb sizes (large bulb was 8.0 - 10.0 cm circumference and small bulb was 6.0 - 7.9 cm circumference) with 24 treatments and 10 replications (1 bulb per replication). The result showed that plants supplied with fertilizer formula 18-46-0 shows the highest of plant height, photosynthetic rate, circumference of new bulb, fresh and dry weight of new bulb. Growing with large bulb size showed higher of vegetative growth, photosynthetic rate and bulb quality after harvesting than small bulb size. Growing with 4 and 8 g/m fertilizer application showed the highest of plant height and photosynthetic rate. The results of the interaction were found between fertilizer formular 18-46-0 with the rate of 8 g/m2. Using large bulb brought about the best vegetative growth and quality of new bulb. Experiment 2: effects of shading on growth and bulb quality of tulip 'Strong Gold' were studied. Plant were grown under three levels of net shading i.e., 1) no shading (under 568.67 umol m' s' of light intensity), 2) 50% of net shading (with 388.09 umol m's' of light intensity) and 3) 70% of net shading (with 100.09 umol m's'of light intensity). The experiment was conducted at Hod district, Chiang Mai province (1,400 m above sea levels, 25.4 'C and 63.9 % RH). The experimental design was completely randomized design (CRD) with 3 treatments and 20 replications (1 bulb per replication). Plant height, number of leaves per plant, SPAD unit, photosynthetic rate, stomatal conductance, transpiration rate, bulb fresh and dry weight, number of new bulbs per plant, and total non-structural carbohydrate (TNC) were measured. The results found that at plants grown under 50% net shading had the highest TNC content, fresh and dry weight of bulb (227.1 mg/bulb, 9.37 and 3.01 g, respectively). Number of new bulbs were not significant difference among treatments. Therefore, 50% net shading might be suitable for growing tulip in Thailand.en_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.titleผลของการให้ปุ๋ย ขนาดหัว และการพรางแสงต่อการเติบโตและการสร้างหัวของทิวลิปen_US
dc.title.alternativeEffects of Fertilizer Application, Bulb Size, and Shading on Growth and Bulb Formation of Tulipen_US
dc.typeThesis
thailis.controlvocab.thashทิวลิป -- การเจริญเติบโต-
thailis.controlvocab.thashพืชสวน-
thesis.degreemasteren_US
thesis.description.thaiAbstractการศึกษาผลของการให้ปุย ขนาดหัว และการพรางแสงต่อการเติบโตและการสร้างหัวของ ทิวลิป (ทำการทดลองเดือน พฤศจิกาขน ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2563 อุณหภูมิเฉลี่ย 25.76 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 57.7 เปอร์เซ็นต์ แบ่งการทดลองออกเป็น 2 การทดลอง ได้แก่ การทดลองที่ 1 ศึกษาผลของชนิดของปุ๊ย อัตราปุ้ย และ ขนาดหัว ต่อการเติบโตและผลผลิต หัวใหม่ของทิวลิปพันธุ์ 'Strong Gold' โดยวางแผนการทดลองแบบ Factorial in CRD จำนวน 3 ปัจจัย ได้แก่ สูตรปุ๋ย 4 สูตร คือ 1) สูตร 15-15-15 2) สูตร 18-46-0 3) สูตร 13-0-46 และ 4) สูตร 0-52-34 อัตราปุ้ย 3 อัตราคือ 1) 4 กรัม/ตารางเมตร 2) 8 กรัม/ตารางเมตร 3) 12 กรัม/ตารางเมตร ขนาดหัวพันธุ์ 2 ขนาดคือ 1) หัวขนาดใหญ่ (เส้นรอบวง 8.0 - 10.0 ซม.) 2) หัวขนาดเล็ก (เส้นรอบวง 6.0 - 7.9 ซม.) จำนวน 24 กรรมวิธี กรรมวิธีละ 10 ซ้ำ (ซ้ำละ 1 หัว) ผลการทดลองพบว่า ทิวลิปที่ได้รับปุ๋ยสูตร 18-46-0 มีความสูงต้น อัตราการสังเคราะห์แสง ขนาดเส้นรอบวงหัวใหม่ น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้ง ของหัวใหม่มากกว่ากรรมวิธีอื่น และทิวลิปที่ใช้หัวพันธุ์ขนาดใหญ่มีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น อัตราการสังเคราะห์แสง และคุณภาพหัวหลังการเก็บเกี่ยวมากกว่าการ ใช้หัวพันธุ์ขนาคเล็ก ทิวลิปที่ ได้รับปุ๋ยอัตรา 4 และ 8 กรัม/ต่อรางเมตร มีความสูงต้นและอัตราการสังเคราะห์แสงสูงที่สุด ผลของ ปฏิสัมพันธ์พบว่า การให้ปุยสูตร 18-46-0 ร่วมกับอัตราปุ้ย 8 กรัม/ต่อตารางเมตร และการใช้หัวขนาด ใหญ่ ส่งผลให้ทิวลิปมีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น และคุณภาพหัวหลังการเก็บเกี่ยวดีที่สุด การทดลองที่ 2 ผลของการพรางแสงต่อการเติบโตและคุณภาพหัวของทิวลิปพันธุ์ 'Strong Gold' การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการพรางแสงที่ส่งผลต่อการเติบโต การสร้างหัว และการสังเคราะห์แสงของทิวลิป พันธุ์ 'Strong Gold' โดยศึกษาการพรางแสง 3 ระดับได้แก่ 1) ไม่พรางแสง (ความเข้มแสงเฉลี่ย 598.67 umol m s) 2) พรางแสงด้วยตาข่าย 50% (ความเข้มแสง เฉลี่ย 388.09 umol m s)และ 3) พรางแสงด้วยตาข่าย 70% (ความเข้มแสงเฉลี่ย 100.09 umol m s) ที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ บนความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,400 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงการ ทดลอง 25.4 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ช่วงการทคลอง 63.9 % วางแผนการทคลองแบบสุ่ม สมบูรณ์จำนวน 3 กรรมวิธี กรรมวิธีละ 30 ซ้ำ ซ้ำละ 1 หัว บันทึกข้อมูล ความสูงต้น จำนวนใบต่อต้น ค่าความเข้มของสีใบ ค่าอัตราการสังเคราะห์แสง อัตราการเปิดปิดปากใบ อัตราการคายน้ำ น้ำหนักสด ของหัว น้ำหนักแห้งของหัว จำนวนหัวใหม่ต่อต้น วิเคราะห์ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่โครงสร้าง ตามวิธีของ Whistler (1964) ผลการทดลองพบว่า กรรมวิธีที่พรางแสง 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หัวพันธุ์มี ปริมาณคาร์โบไฮเครตที่ไม่ใช่โครงสร้าง น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัวพันธุ์เฉลี่ย สูงที่สุด คือ 227.1 กรัมต่อหัว 9.37 และ 3.01 กรัม ตามลำดับ ส่วนจำนวนหัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นไม่แตกต่างกับกรรมวิธี อื่น คังนั้นการพรางแสง 50 เปอร์เซ็นต์ จึงเหมาะสมต่อการปลูกทิวลิปบนพื้นที่สูงเพื่อผลิตหัวบนพื้นที่ สูงของเชียงใหม่en_US
Appears in Collections:AGRI: Theses



Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.