Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/69639
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ สกุลพรรณ์-
dc.contributor.advisorอาจารย์ ดร. หรรษา เศรษฐบุปผา-
dc.contributor.authorพุทธชาด ศรีสุวรรณ์en_US
dc.date.accessioned2020-08-18T02:45:20Z-
dc.date.available2020-08-18T02:45:20Z-
dc.date.issued2020-05-
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/69639-
dc.description.abstractPresently, one third of patients with amphetamine dependence have relapsing behavior that leads to chronic addiction and psychotic disorders. This study was quasi – experimental research that aimed to investigate the effects of problem solving therapy on relapse risk behaviors among patients with amphetamine dependence. Participants consisted of 48 amphetamine relapsing patients who received treatment at the In-patient Department, Suan Prung Psychiatric Hospital, Chiang Mai province. The instruments consisted of 1) Personal Information Questionnaires 2) The Alcohol, Smoking and Substance Involvement Screening Test – Amphetamine-type stimulants (The ASSIST-ATS) and 3) The Problem Solving Therapy Program developed by the researcher based on the concept of D’Zurilla & Nezu (1982, 2010). This program consisted of six sessions, 60 - 90 minutes each time, 3 times a week. Data were analyzed by descriptive statistics means, t-test dependent and t-test independent. Results of the research revealed that: 1. Mean scores of relapsing risk behaviors among the experimental group at 3 months after treatment (x ̅=12.00, SD=7.95) were statistically significantly lower than before (x ̅=24.58, SD=6.12) (p <.01). 2. Mean scores of relapsing risk behaviors between the experimental (x ̅=12.00, SD=7.95) and control group (x ̅=12.42, SD=8.95) at 3 months after treatment were not different. But the scores of problem-solving skills among the experimental group (x ̅=65.92, SD=5.49) at 3-months after treatment were statistically significantly higher than those of the control group (x ̅=62.50, SD=5.08) (p <.05). The results of this study show that the Problem Solving Therapy Program can increase problem -solving skills and reduce relapsing risk behaviors of patients with amphetamine dependence. Therefore, this program should be used for patience with amphetamine dependence to reduce relapsing risk behaviors.en_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.titleผลของการบำบัดด้วยการแก้ปัญหาต่อพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำของผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีนen_US
dc.title.alternativeEffect of the Problem Solving Therapy on Relapsing Risk Behaviors Among Patients with Amphetamine Dependenceen_US
dc.typeThesis
thesis.degreemasteren_US
thesis.description.thaiAbstractปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเป็นผู้ป่วยที่เสพซ้ำประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยทั้งหมด กลายเป็นผู้เสพติดเรื้อรังและมีอาการทางจิตได้ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการบำบัดด้วยการแก้ปัญหาต่อพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำของผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีน กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาประกอบด้วย ผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีนที่มีพฤติกรรมเสพซ้ำ ที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 48 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบคัดกรองประสบการณ์การใช้ยากระตุ้นประสาทกลุ่มแอมเฟตามีน และ 3)โปรแกรมการบำบัดด้วยการแก้ปัญหาซึ่งผู้วิจัยพัฒนาขึ้นตามแนวคิดของ เดอ ซูริลล่าและเนซู (D’Zurilla & Nezu, 1982, 2010) ประกอบด้วยการบำบัด 6 ครั้ง ครั้งละ 60–90 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบค่า ที ชนิด 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน และสถิติทดสอบค่า ที ชนิด 2 กลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน ผลการศึกษาพบว่า 1. คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำของกลุ่มทดลอง ในระยะ 3 เดือน หลังได้รับการบำบัด (x ̅=12.00, SD=7.95) ต่ำกว่าก่อนได้รับการบำบัด (x ̅=24.58, SD=6.12) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .01) 2. คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำระหว่างกลุ่มทดลอง (x ̅=12.00, SD=7.95) และกลุ่มควบคุม (x ̅=12.42, SD = 8.95) ในระยะ 3 เดือน หลังได้รับการบำบัดไม่แตกต่างกัน แต่คะแนนทักษะการแก้ปัญหา ในระยะ 3 เดือนหลังได้รับการบำบัดของกลุ่มทดลอง (x ̅=65.92, SD=5.49) สูงกว่ากลุ่มควบคุม (x ̅=62.50, SD=5.08) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการบำบัดด้วยการแก้ปัญหาสามารถเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหา และลดพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำของผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีนได้ จึงควรมีการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในการลดพฤติกรรมเสี่ยงในการเสพซ้ำของผู้ป่วยติดสารแอมเฟตามีน ต่อไปen_US
Appears in Collections:NURSE: Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
601231041 พุทธชาด ศรีสุวรรณ์.pdf4.69 MBAdobe PDFView/Open    Request a copy


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.