Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/66538
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | นพพล อาชามาส | en_US |
dc.date.accessioned | 2019-08-21T09:18:30Z | - |
dc.date.available | 2019-08-21T09:18:30Z | - |
dc.date.issued | 2561 | en_US |
dc.identifier.citation | นิติสังคมศาสตร์ 11, 2 (ก.ค.-ธ.ค. 2561), 22-54 | en_US |
dc.identifier.issn | 2672-9245 | en_US |
dc.identifier.uri | https://www.tci-thaijo.org/index.php/CMUJLSS/article/view/133176/118539 | en_US |
dc.identifier.uri | http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/66538 | - |
dc.description | CMU Journal of Law and Social Sciences รับพิจารณาบทความวิชาการ และบทปริทัศน์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการของCMU Journal of Law and Social Sciences จะครอบคลุมเนื้่อหา เกี่ยวกับกฎหมายทุกสาขา เช่น กฎหมายมหาชน กฎหมายเอกชน กฎหมายอาญา กฎหมายระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์ในสาขาต่างๆ | en_US |
dc.description.abstract | บทความชิ้นนี้พิจารณาพัฒนาการของตัวบทและการบังคับใช้ข้อหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือข้อหายุยงปลุกปั่น ซึ่งอยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ อย่างสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์และบริบททางการเมืองของประเทศไทย โดยต้องการชี้ให้เห็นว่าข้อกล่าวหานี้เป็นมรดกตกทอดจากการตรากฎหมายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิ ราชย์ที่กรอบคิดเรื่องรัฐ รัฐบาล และผู้ปกครองรัฐ ยังไม่ได้แยกออกจากกัน ลักษณะการบังคับใช้ข้อหานี้ยังสัมพันธ์กับลักษณะการใช้อำนาจของผู้ปกครองในแต่ละช่วงเวลา ข้อหามาตรา 116 ถูกใช้อย่างเข้มข้นมากขึ้นในช่วงยุครัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยเฉพาะการใช้ร่วมกันกับข้อหาเรื่องการกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ในอดีต และยังปรากฏคดีจำนวนหนึ่งในช่วงหลังการรัฐประหาร 2549 ภายใต้บริบทความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสีเสื้อ จนกระทั่งในช่วงหลังรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การใช้ข้อกล่าวหานี้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน คดีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุม โดยเฉพาะการแสดงออกในทางวิพากษ์วิจารณ์หรือคัดค้านผู้ปกครองในขณะนั้น ผู้ปกครองโดยเฉพาะหลังการรัฐประหาร ได้ใช้ข้อกล่าวหานี้เป็นเครื่องมือในการยับยั้งเสรีภาพในการแสดงออกและสร้างภาระทางคดีให้กับผู้ถูกกล่าวหา พร้อมกับการตีความข้อกล่าวหานี้ประหนึ่งว่ารัฐบาลหรือผู้ปกครองกลายเป็น รัฐ เสียเอง และความมั่นคงของผู้ปกครองกลับกลายไปเป็น ความมั่นคงของรัฐ การทำความเข้าใจการใช้ข้อหายุยงปลุกปั่นอย่างมีประวัติศาสตร์ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยมในบริบทการเมืองไทยได้อีกแง่มุมหนึ่ง | en_US |
dc.language.iso | Tha | en_US |
dc.publisher | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | en_US |
dc.subject | ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 | en_US |
dc.subject | ยุยงปลุกปั่น | en_US |
dc.subject | เสรีภาพในการแสดงออก | en_US |
dc.subject | ความมั่นคงของรัฐ | en_US |
dc.subject | อำนาจนิยม | en_US |
dc.title | เมื่อผู้ปกครองสถาปนาตนเป็นรัฐ: ข้อหา ยุยงปลุกปั่น กับ การบังคับใช้กฎหมายแบบอำนาจนิยมในประเทศไทย | en_US |
dc.title.alternative | When the rulers become the state: Sedition Law and Authoritarian Regime in Thailand | en_US |
Appears in Collections: | CMUL: Journal Articles |
Files in This Item:
There are no files associated with this item.
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.