Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/65114
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | ขำคม พรประสิทธิ์ | en_US |
dc.date.accessioned | 2019-05-07T10:02:41Z | - |
dc.date.available | 2019-05-07T10:02:41Z | - |
dc.date.issued | 2559 | en_US |
dc.identifier.issn | 1906-0572 | en_US |
dc.identifier.uri | https://www.tci-thaijo.org/index.php/fineartsJournal/article/view/77442/62102 | en_US |
dc.identifier.uri | http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/65114 | - |
dc.description | วารสารวิจิตรศิลป์ ตีพิมพ์บทความวิจัยหรือบทความงานสร้างสรรค์ทางด้านศิลปกรรม และบทความวิชาการทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ เป็นบทความที่เสนอองค์ความรู้ แนวคิด วิธีการ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาต่างๆ ทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ (การวิจัยงานศิลปะ การออกแบบ ประยุกต์ศิลป์ ดนตรี การแสดง สื่อศิลปะ ปรัชญาศิลป์ สุนทรียศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ และโบราณคดี) | en_US |
dc.description.abstract | งานวิจัยเรื่องวัฒนธรรมการบรรเลงดนตรีไทใหญ่ จังหวัดชียงใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบรรเลงดนตรีไทใหญ่ที่ปรากฏในจังหวัดเชียงใหม่และรวบรวมทำนองเพลง ผลการวิจัยพบการอ่านธรรมการเฮ็ดความ การตีกลองก้นยาว การตีกลองมองเซิง การเป่าปี่นํ้าเต้า การดีดติ่งตุม การตีสีคาบและการบรรเลงวงดนตรีที่เรียกว่าดนตรีจ้าดไต และยังพบว่าจังหวัดเชียงใหม่ มีการบรรเลงดนตรีไทใหญ่ที่มีความเข้มแข็งมากที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยด้วย การศึกษาการบรรเลงดนตรีไทใหญ่พบว่าการตีกลองก้นยาวมีการใช้เครื่องกำกับจังหวะขึ้นต้นทุกครั้ง สำนวนช่วงลงจบการตีกลองก้นยาวไม่ว่าจะตีด้วยวัตถุประสงค์ใดจะลงจบด้วยเสียงปิดหรือการหยุดเสียงด้วยการตีกดลงบนหน้ากลองทั้งสิ้น และกระสวนทำนองกลองเมื่อนำไปใช้ต่างโอกาสสามารถนำมาตีทดแทนกันไปมาได้ การตีกลองมองเซิง มีลักษณะที่โดดเด่นคือขึ้นต้นด้วยเสียงฉาบเป็นอันดับแรกเพื่อลักษณะเสียงที่อ่อนหวาน เสียงกลองมองเซิงได้แก่ “เสียงตึง” จะตีพร้อมกับเสียงมอง และลักษณะกระสวนทำนองกลองมองเซิงปรากฏ 6 กระสวนหลัก การเป่าปี่น้ำเต่าพบลักษณะการการเป่าทำนองยาวๆ โดยไม่มีจังหวะเข้ามาควบคุม ทำนองส่วนใหญ่ใช้เสียงทางเสียงสูงและมีการรวบเสียงการดีดติ่งตุม เป็นการดีดไม้ไผ่ด้วยมือขวาและมือซ้ายประกอบกันเพื่อเลียนแบบให้เกิดเป็นทำนองอย่างกลองก้นยาวและกลองมองเซิง โดยมือขวาจะดีดยืนเป็นเสียงมอง มือซ้ายดำเนินทำนองกลอง การตีสีคาบเป็นลักษณะการกำกับจังหวะหนัก เช่นเดียวกับการตีกรับในวงดนตรีไทย เพื่อให้การบรรเลงรวมวงเกิดความหนักแน่น และเพื่อเป็นจังหวะให้กับนักดนตรีทุกคนสามารถบรรเลงได้พร้อมเพรียงกัน การศึกษาและรวบรวมทำนองเพลงที่ปรากฏพบว่า การอ่านธรรม ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาไทใหญ่ โดยผู้สูงอายุที่ได้รับการยอมรับในสังคม ใช้เป็นสื่อในการสอนคนในสังคมและเยาวชนให้เป็นคนดี การอ่านธรรมมีการใช้เสียงน้อยที่สุด 3 เสียงและใช้เสียงมากที่สุดไม่เกิน 5 เสียง ทำนองส่วนใหญ่เมื่อขึ้นต้นด้วยเสียงใดจะจบทำนองสุดท้ายด้วยเสียงเดิม การดำเนินทำนองยังพบการลากเสียงไหลเป็นคู่ 2 คู่ 3 คู่ 5 และพบว่าการลากเสียงลูกตกของทำนองเพลงห้องที่ 3 การเฮ็ดความ แบ่งทำนองออกเป็น 4 วรรค แต่ละวรรคมีแนวการบรรเลงแตกต่างกัน วรรคแรกจังหวะช้า วรรคที่ 2 จังหวะ “ช้า-เร็ว-ช้า” วรรคที่ 3 จังหวะเร็วขึ้น 1 เท่าตัวจากวรรคที่ 1 วรรคสุดท้ายเป็นทำนองลงจบมีลีลาคล้ายการพูดและจบท้ายด้วยการลากเสียงร้องยาว ส่วนเสียงของลูกตกวรรคที่ 1 วรรคที่ 2 และวรรคที่ 4 เป็นเสียงเดียวกันคือเสียงซอล ส่วนวรรคที่ 3 มีลูกตกเสียงที่ทำนองดนตรีจ้าดไต เป็นทำนองเพลงที่เน้นเนื้อร้องเพื่อดำเนินเรื่องราวเป็นสำคัญดนตรีทำหน้าที่บรรเลงคลอไปกับเสียงร้องและบรรเลงรับทำนองเดียวกับการขับร้องโดยไม่เน้นการเปลี่ยนแปลงทำนองเป็นอย่างอื่น การบรรเลงมีทำนองขึ้นต้นหรือท่อนนำก่อนเข้าสู่บทร้อง พบการใช้เสียงครบทั้ง 7 เสียงเรียงร้อยเป็นทำนอง ทำนองร้องจะร้องเป็นเสียงตรงไปตามคำร้องที่กำหนดในบทเพลงนั้น ไม่มีการร้องเอื้อนประกอบ หากไม่มีคำร้องจะมีการกำหนดเสียงลูกตกที่สม่ำเสมอกันทุกวรรคเพลง และพบลักษณะการใช้เสียงเรียงกันปรากฏทั้งเรียง 3 เสียงและเรียง 4 เสียงเป็นส่วนใหญ่ | en_US |
dc.language | Tha | en_US |
dc.publisher | คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | en_US |
dc.title | วัฒนธรรมการบรรเลงดนตรีไทใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ | en_US |
dc.title.alternative | Tai Yai’s Musical Performing Culture in Chiang Mai Province | en_US |
dc.type | บทความวารสาร | en_US |
article.title.sourcetitle | วารสารวิจิตรศิลป์ | en_US |
article.volume | 7 | en_US |
article.stream.affiliations | ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
Appears in Collections: | CMUL: Journal Articles |
Files in This Item:
There are no files associated with this item.
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.