ความรู้ความเข้าใจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการจัดทำบัญชี

Abstract

การค้นคว้าแบบอิสระนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจของผู้ประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีต่อการจัดทำบัญชี ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด และห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งหมด 360 ราย โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด ประเภทกิจการบริการ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน(ไม่รวมที่ดิน) มากกว่าหนึ่งล้านบาทแต่ไม่เกินห้าล้านบาท มีจำนวนพนักงานไม่เกิน 15 คน มีระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 15 ปี และมีการจัดทำบัญชีเอง ผลการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจที่มีต่อการจัดทำบัญชีของวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีความรู้ความเข้าใจด้านภาษีอากรมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการบัญชี การจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และมาตรฐานรายงานการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ตามลำดับ เมื่อพิจารณาจากลักษณะกิจการ พบว่า กิจการที่ดำเนินงานในรูปแบบของบริษัทจำกัด มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด และ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล เมื่อพิจารณาจากระดับการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือ ต่ำกว่า และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง(ปวส.) มีความรู้ ความเข้าใจที่มีต่อการจัดทำบัญชีในระดับน้อย ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และระดับสูงกว่าปริญญาตรี มีความรู้ความเข้าใจที่มีต่อการจัดทำบัญชีในระดับปานกลาง เมื่อเปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีของผู้ประกอบการจำแนกตามลักษณะกิจการ พบว่า ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด มีความรู้ความเข้าใจในระดับปานกลาง ส่วนผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการในรูปแบบห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีความรู้ความเข้าใจในระดับน้อย นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีปัญหาในการจัดทำบัญชีโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยลำดับปัญหาด้านผู้ประกอบการที่มีค่าเฉลี่ยในระดับสูงสุด คือ ขาดความรู้ในการวิเคราะห์งบการเงินเพื่อการบริหาร ขาดความรู้ด้านมาตรฐานการบัญชี และขาดความรู้ด้านภาษีอากร และมีค่าเฉลี่ยในประเด็นขาดความรู้เกี่ยวกับข้อมูลจัดทำบัญชี ในระดับน้อย ทั้งนี้ปัญหาด้านบุคลากรที่จัดทำบัญชีโดยรวมอยู่ในระดับน้อย โดยปัญหาที่มีค่าเฉลี่ยในระดับสูงสุด คือ การสับเปลี่ยนบุคลากรทางบัญชีบ่อยครั้ง บุคลากรขาดความรู้ในการจัดทำบัญชี และค่าใช้จ่ายในการจัดทำบัญชีสูง