Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/37674
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorอาทิตย์ วงศ์สว่างen_US
dc.date.accessioned2015-02-03T04:15:09Z-
dc.date.available2015-02-03T04:15:09Z-
dc.date.issued2014-06-
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/handle/6653943832/37674-
dc.description.abstractงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของกลองปูจาและพัฒนาการของการตีกลองปูจาในดินแดนล้านนาหรือภาคเหนือตอนบน 2) เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มลายคำและกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจา ตลอดจนปัญหาของการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาจากทั้งภาคเอกสารและภาคสนาม ใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ การสำรวจทางกายภาพ สังเกตการณ์ จากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้แบบสอบถามแบบเขียนตอบและการสัมภาษณ์ โดยใช้การสัมภาษณ์ กลุ่มผู้รู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกลองปูจาล้านนา กลุ่มสมาชิกเครือข่ายลายคำระดับแกนนำและหัวหน้าเครือข่าย และกลุ่มเยาวชนลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 40 คน ในอำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราย อำเภอเมือง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ รูปแบบ วิธีการดำเนินกิจกรรมของการตีกลองปูจาและปัญหาของการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ นำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลแบบพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า กลองปูจา เป็นเครื่องดนตรีชนิดเครื่องกระทบประเภทเครื่องหนัง ซึ่งจัดอยู่ในดนตรีที่ใช้ในพิธีกรรม ศาสนา ความศรัทธาและความเชื่อ ถือว่าเป็นกลองมงคลของล้านนา จัดเป็น 1 ใน 5 กลองในตำนานประวัติศาสตร์พื้นบ้านภาคเหนือ ส่วนกลุ่มลายคำนั้น เกิดขึ้นในปี พุทธศักราช 2534 จากการรวมกลุ่มกันของนักศึกษาที่มีใจรักในศิลปวัฒนธรรมล้านนา ณ เรือน อนุสารสุนทร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยมี รองศาสตราจารย์ปรีชา สุทธปรีดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์จินตนา มัธยมบุรุษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลมูล จันทร์หอม และอาจารย์ยุพิน เข็มมุกด์ ได้ให้ความเมตตาสนับสนุนให้มีสถานที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ เรือนอนุสารสุนทรได้รับความเมตตาจาก พ่อไกรศรี นิมมานเหมินท์ ปราชญ์แห่งล้านนา ตั้งชื่อให้ว่า “กลุ่มลายคำ” โดยกลุ่มดังกล่าวมีพันธกิจร่วมกันคือการสร้างสรรค์ และสืบสานลายศิลป์ ลายฟ้อนนาฏลีลา ลายดนตรี ลายช่างภูมิปัญญา และลายขับขานของล้านนาให้คงอยู่สืบไป มีทำหน้าที่อนุรักษ์และเผยแพร่การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนาและสืบทอดภูมิปัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการตีกลองปูจาแบบล้านนา และพบว่ารูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ สรุปได้ว่าสามารถกำหนดแนวทาง ได้ 2 แนวทางหลักๆและควรที่จะมีการขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งสองแนวทางภายใต้แนวคิดการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ (1) แนวทางการอนุรักษ์การตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ และ (2) แนวทางการฟื้นฟูการตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ทั้งสองแนวทางควรต้องมีจัดโครงการเพื่อสามารถขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่โครงการ “สืบสานภูมิปัญญาการตีกลองปูจาแบบล้านนา” และโครงการ “ถวายคืนความรู้ การตีกลองปูจาสู่พระภิกษุสงฆ์สามเณร” เป็นต้นen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.titleการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำใน จังหวัดเชียงใหม่en_US
dc.title.alternativeThe Conservation and restoration of The Beating Poo Ja Drums of The Lai Klam Groups in Chiang Mai Provinceen_US
thailis.classification.ddc789.1-
thailis.controlvocab.thashกลองปูจา-
thailis.controlvocab.thashกลอง--ไทย (ภาคเหนือ)-
thailis.controlvocab.thashกลอง--เชียงใหม่-
thailis.manuscript.callnumberว/ภน 789.1 อ243ก-
thesis.degreemasteren_US
thesis.description.thaiAbstractงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของกลองปูจาและพัฒนาการของการตีกลองปูจาในดินแดนล้านนาหรือภาคเหนือตอนบน 2) เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มลายคำและกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจา ตลอดจนปัญหาของการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาจากทั้งภาคเอกสารและภาคสนาม ใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ การสำรวจทางกายภาพ สังเกตการณ์ จากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้แบบสอบถามแบบเขียนตอบและการสัมภาษณ์ โดยใช้การสัมภาษณ์ กลุ่มผู้รู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกลองปูจาล้านนา กลุ่มสมาชิกเครือข่ายลายคำระดับแกนนำและหัวหน้าเครือข่าย และกลุ่มเยาวชนลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 40 คน ในอำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราย อำเภอเมือง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ รูปแบบ วิธีการดำเนินกิจกรรมของการตีกลองปูจาและปัญหาของการดำเนินการกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ นำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลแบบพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า กลองปูจา เป็นเครื่องดนตรีชนิดเครื่องกระทบประเภทเครื่องหนัง ซึ่งจัดอยู่ในดนตรีที่ใช้ในพิธีกรรม ศาสนา ความศรัทธาและความเชื่อ ถือว่าเป็นกลองมงคลของล้านนา จัดเป็น 1 ใน 5 กลองในตำนานประวัติศาสตร์พื้นบ้านภาคเหนือ ส่วนกลุ่มลายคำนั้น เกิดขึ้นในปี พุทธศักราช 2534 จากการรวมกลุ่มกันของนักศึกษาที่มีใจรักในศิลปวัฒนธรรมล้านนา ณ เรือน อนุสารสุนทร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยมี รองศาสตราจารย์ปรีชา สุทธปรีดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์จินตนา มัธยมบุรุษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลมูล จันทร์หอม และอาจารย์ยุพิน เข็มมุกด์ ได้ให้ความเมตตาสนับสนุนให้มีสถานที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ เรือนอนุสารสุนทรได้รับความเมตตาจาก พ่อไกรศรี นิมมานเหมินท์ ปราชญ์แห่งล้านนา ตั้งชื่อให้ว่า “กลุ่มลายคำ” โดยกลุ่มดังกล่าวมีพันธกิจร่วมกันคือการสร้างสรรค์ และสืบสานลายศิลป์ ลายฟ้อนนาฏลีลา ลายดนตรี ลายช่างภูมิปัญญา และลายขับขานของล้านนาให้คงอยู่สืบไป มีทำหน้าที่อนุรักษ์และเผยแพร่การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนาและสืบทอดภูมิปัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการตีกลองปูจาแบบล้านนา และพบว่ารูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูการตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ สรุปได้ว่าสามารถกำหนดแนวทาง ได้ 2 แนวทางหลักๆและควรที่จะมีการขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งสองแนวทางภายใต้แนวคิดการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ (1) แนวทางการอนุรักษ์การตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ และ (2) แนวทางการฟื้นฟูการตีกลองปูจาล้านนาของกลุ่มลายคำในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ทั้งสองแนวทางควรต้องมีจัดโครงการเพื่อสามารถขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่โครงการ “สืบสานภูมิปัญญาการตีกลองปูจาแบบล้านนา” และโครงการ “ถวายคืนความรู้ การตีกลองปูจาสู่พระภิกษุสงฆ์สามเณร” เป็นต้นen_US
Appears in Collections:GRAD-Humanities and Social Sciences: Independent Study (IS)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
ABSTRACT.pdfABSTRACT245.78 kBAdobe PDFView/Open
APPENDIX.pdfAPPENDIX236.49 kBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 1.pdfCHAPTER 1315.97 kBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 2.pdfCHAPTER 2571.44 kBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 3.pdfCHAPTER 3282.82 kBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 4.pdfCHAPTER 42.3 MBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 5.pdfCHAPTER 5371.92 kBAdobe PDFView/Open
CHAPTER 6.pdfCHAPTER 6224.84 kBAdobe PDFView/Open
CONTENT.pdfCONTENT193.51 kBAdobe PDFView/Open
COVER.pdfCOVER898.44 kBAdobe PDFView/Open
REFERENCE.pdfREFERENCE186.11 kBAdobe PDFView/Open


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.