Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/79837
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorพรสุดา อินทร์สาน-
dc.contributor.advisorจารุณี ทิพยมณฑล-
dc.contributor.authorจาง, ฟานen_US
dc.date.accessioned2024-07-21T04:20:10Z-
dc.date.available2024-07-21T04:20:10Z-
dc.date.issued2024-05-
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/79837-
dc.description.abstractThis study investigates the listening and speaking abilities of Thai students in Chinese as a foreign language, based on self-efficacy theory of Bandura and learning style theory of Grasha-Riechmann. The research aims are: (1) To study the self-efficacy of listening and speaking ability of Chinese as a foreign language among Thai students; (2) To study the learning style prefrence of listening and speaking skills in learning Chinese as foreign language among Thai students; (3) To propose guidelines to develop listening and speaking skills in learning Chinese as a foreign language among Thai students. The population totaling 400 people by simple random sampling through deeply analyzing follow questionairs and focus group to a study about the motivation and effectiveness of Thai students learning Chinese, as well as the learning habits of Thai students in the process of learning Chinese, The researcher collected and analyzed the data by using descriptive statistics include an average, standard deviation, and percentage The study reveals the following results: (1) The self-efficacy of Thai secondary school students in Chinese listening and speaking abilities is mostly at the beginner and intermediate levels; (2) Overall, Thai secondary school students prefer an avoidant learning style and do not favor a competitive learning style; (3) The important implication for educators and education policymakers in teaching Chinese as a foreign language is to emphasize the self-efficacy of Thai secondary school students, providing them with positive encouragement and guidance. Additionally, teaching should fully consider students' learning style characteristics, providing suitable learning environments and resources for different types of students, and using targeted teaching methods and activities to enhance students' oral expression and listening comprehension skills. In conclusion, this study provides important references and insights into understanding the Chinese listening and speaking abilities and learning styles of Thai secondary school students. It holds theoretical and practical significance for improving teaching strategies and enhancing the quality of teaching Chinese as a foreign languageen_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.titleแนวทางการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศของนักเรียนไทยen_US
dc.title.alternativeLearning guidelines to develop listening and speaking skills in Chinese as a foreign language among Thai studentsen_US
dc.typeThesis
thailis.controlvocab.thashภาษาจีน -- การศึกษาและการสอน-
thailis.controlvocab.thashภาษาจีน -- การออกเสียง-
thailis.controlvocab.thashภาษาจีน -- การฟัง-
thailis.controlvocab.thashภาษาจีน -- การใช้ภาษา-
thesis.degreemasteren_US
thesis.description.thaiAbstractการวิจัยนี้ศึกษาความสามารถในการฟังและการพูดของนักเรียนไทยที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศ โดยอาศัยทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองของ Bandura และทฤษฎีรูปแบบการเรียนรู้ของ Grasha-Riechmann การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการรับรู้ความสามารถในการฟังและการพูดภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศของนักเรียนไทย 2) ศึกษารูปแบบการเรียนรู้ทักษะการฟังและการพูดภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศของนักเรียนไทย และ 3) เสนอแนวทางการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดในการเรียนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศของนักเรียนไทย จำนวน 400 คน โดยการสุ่มตัวอย่างง่าย(Simple sampling random) ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก ติด้วยแบบสอบถามร่วมกับการสนทนากลุ่ม (Focus group) เพื่อศึกษาแรงจูงใจและประสิทธิผลของนักเรียนไทยในการเรียนภาษาจีน ตลอดจนพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนไทยในกระบวนการเรียนภาษาจีน ผู้วิจัยได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ ผลการศึกษาพบว่า 1) การรับรู้ควสามารถของตนเองของนักเรียนไทยในด้านความสามารถในการฟังและการพูดภาษาจีนส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มต้นและระดับกลาง 2) โดยรวมแล้วนักเรียนไทยชอบรูปแบบการเรียนรู้แบบหลีกเลี่ยงและไม่นิยมรูปแบบการเรียนรู้แบบแข่งขัน 3) แนวทางที่สำคัญสำหรับนักการศึกษาและผู้กำหนดนโยบายการศึกษาในการสอนภาษาจีน เป็นภาษาต่างประเทศคือการเน้นย้ำการรับรู้ความสามารถในตนเองของนักเรียนมัธยมศึกษาไทย โดยให้การสนับสนุนและคำแนะนำเชิงบวกแก่พวกเขา นอกจากนี้ การสอนควรคำนึงถึงลักษณะรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างเต็มที่ จัดให้มีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับนักเรียน และใช้วิธีการสอนและกิจกรรมที่ตรงเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะการพูดและความเข้าใจในการฟังของนักเรียน โดยสรุป การศึกษานี้ให้ข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญและข้อมูลเชิงลึกในการทำความเข้าใจความสามารถการรับรู้ของตนเองในการฟังและการพูดภาษาจีน และรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนมัธยมศึกษาไทย มีความสำคัญทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติในการปรับปรุงกลยุทธ์การสอนและเพิ่มคุณภาพการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศen_US
Appears in Collections:EDU: Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
630231010 Fan Zhang (2).pdf2.3 MBAdobe PDFView/Open    Request a copy


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.