Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/77923
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | Natthapol Jaengaksorn | - |
dc.contributor.author | Anthony Onchiri Masi | en_US |
dc.date.accessioned | 2022-12-17T14:56:28Z | - |
dc.date.available | 2022-12-17T14:56:28Z | - |
dc.date.issued | 2022-11 | - |
dc.identifier.uri | http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/77923 | - |
dc.description.abstract | Most secondary school students in Thailand struggle with speaking English, a problem that later extends to higher learning institutions and life after school. The research objectives were, 1) To survey the methods that teachers use to assess speaking skills amongst Thai students 2) To analyse the relationship between the local school curriculum, school support and the methods used to assess speaking skills, 3) To develop an appropriate formative assessment method for assessing English speaking skills. The samples were secondary school teachers from Chiang-Mai province selected through simple random sampling. Instruments used were questionnaire, interview, and focus group forms. Research results determined that most teachers used paper-and-pen method 48.0%, interactive (oral) assessment method 29.3% and observation method 22.7%. School curriculum and school support had a medium level correlation. The curriculum in most schools didn’t have a standard criterion to assess speaking skills, leaving teachers with no option on the suitable method to assess speaking skills. This explains the discrepancy and inconsistency that currently affect most local schools where most teachers don’t assess actual indicators of oral performance. Although paper-and-pen is widely used in assessing conversation tests, it is impractical to provide feedback indicating macro and micro verbal components. It is important to have a suitable formative assessment criterion that can be used by teachers. A standard formative assessment method fairly and practically focuses on oral components and can ascertain students’ actual language command and mastery. This will also provide verifiable progress and motivate students’ oral and aural speaking skills. | en_US |
dc.language.iso | en | en_US |
dc.publisher | Chiang Mai : Graduate School, Chiang Mai University | en_US |
dc.title | Development of an appropriate formative assessment method for english speaking skills of grade 9 students | en_US |
dc.title.alternative | การพัฒนาวิธีประเมินแบบก้าวหน้าที่เหมาะสมสำหรับทักษะการพูด ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 | en_US |
dc.type | Thesis | |
thailis.controlvocab.lcsh | English language -- Speech | - |
thailis.controlvocab.lcsh | English language -- Study and teaching | - |
thailis.controlvocab.lcsh | Educational evaluation | - |
thesis.degree | master | en_US |
thesis.description.thaiAbstract | นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาส่วนใหญ่ได้พบเจอกับปัญหาและอุปสรรคในการพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังไปจนถึงตอนที่นักเรียนได้เรียนในการศึกษาระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากสาเหตุหนึ่งเกิดจากกระบวนการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผล ที่ไม่ได้ให้ข้อมูลย้อนกลับกับผู้เรียน เพื่อนำไปพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.) สำรวจวิธีการประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนของคุณครูในโรงเรียน 2.) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรสถานศึกษา การสนับสนุนจากโรงเรียน และวิธีการประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษกับรูปแบบการประเมินทักษะการพูด และ 3.) พัฒนาวิธีการประเมินก้าวหน้าที่เหมาะสมสำหรับการประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน ประชากรคือ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัวอย่างคือ ครูชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในจังหวัดเชียงใหม่ เลือกโดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามการสัมภาษณ์ และแบบฟอร์มการสนทนาแบบกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่าปัจจุบันครูใช้วิธีการสอบเขียน ร้อยละ 48.0 ประเมินการโต้ตอบด้วยปากเปล่า ร้อยละ 29.3 และวิธีสังเกต ร้อยละ 22.7 โดยหลักสูตรสถานศึกษาและการสนับสนุนจากโรงเรียนมีความสัมพันธ์กันในระดับปานกลางกับรูปแบบการประเมินทักษะการพูด ทำให้โรงเรียนส่วนใหญ่ มีหลักสูตรที่ไม่มีเกณฑ์มาตรฐานเพื่อที่จะประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้ครูไม่มีทางเลือกในการประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนอย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นว่า ความคลาดเคลื่อนและความไม่สอดคล้องกันนี้นั้นส่งผลกระทบต่อโรงเรียนในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ การประเมินความก้าวหน้าที่เหมาะสมครูต้องการให้ข้อเสนอแนะที่ระบุถึงส่วนประกอบทางวาจาในระดับมหภาคและระดับจุลภาค สิ่งสำคัญคือต้องมีเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสมซึ่งครูสามารถนำไปใช้ได้ วิธีการประเมินที่เป็นมาตรฐานอย่างยุติธรรมและใช้งานได้จริงนั้นเน้นที่การสอบปากเปล่าและสามารถตรวจสอบคำสั่งและความเชี่ยวชาญทางภาษาที่แท้จริงของนักเรียนได้ การประเมินต้องตรวจสอบความก้าวหน้าและกระตุ้นทักษะการพูดและการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ทราบข้อมูลการประเมินในการนำไปใช้พัฒนาทักษะการพูดของตนเอง | en_US |
Appears in Collections: | EDU: Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
630232081-Anthony-Onchiri-Masi.pdf | 2.36 MB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.