Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/73999
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorฤตินันท์ สมุทร์ทัย-
dc.contributor.authorปรัชญา จีระยาen_US
dc.date.accessioned2022-08-24T10:00:04Z-
dc.date.available2022-08-24T10:00:04Z-
dc.date.issued2022-06-
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/73999-
dc.description.abstractThe objectives of this research were: 1) to analyze the nature and quantity of research related to learning management according to the STEM education approach; 2) to study the magnitude of influence of research on learning management according to the STEM education approach classified by integrated learning management and research methods and 3) to compare the magnitude of the influence of research related to learning management according to the STEM education approach by integrated learning management and different research methods. Population is research and thesis related to learning management according to STEM education published during the year 2015 - 2021, totaling 104 titles. Research tools such as record form, data were analyzed using descriptive statistics. The research influence size was calculated using the Glass method meta-analysis and influencing meta-regression analysis and random influence. The results of the study found that 1. The majority of research related to STEM-based learning management was produced in 2018. The fields that produced the most research were Science Teaching and Science Education. Most of the study with high school learners. Most of the researches were sampled by random method. A one-group research model was used for pre and post test. Most of the research work is done in science subjects. in the most physical science unit teaching is between 4 and 6 weeks, using a 6 steps engineering design process at most. There is a learning management process to collect information and ideas related to the problem and has the design of the disciplinary integrated learning management within the subject the most. 2. Research studies with groups of learners at the secondary level, vocational and higher education Commission had the highest average size of influence in cognitive, mental and skills. Research studies with students under the Office of the Higher Education Commission. The average size of influence on cognitive behavior was the highest. The average size of mental influence was the highest and research studies with learners under the Office of the Basic Education Commission. The average size of influence on skills was the highest. Research work that integrates multidisciplinary learning management. There was an average size of the influence of the cognitive and the most skills. The most average mental influence was the disciplinary integrated learning management. 3. Research studies with integrated learning management were different. There were the same size of influence. The differences of research Methodology, there were variables that resulted in the difference influence size values statistically at the .05 level, namely 1) the number of samples affecting the size of the influence on the cognition 2) the method of obtaining the sample group affect the size of influence on skills 3) randomly divide the experimental group with the control group affects the size of the influence on the cognition and skills.en_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.subjectวิเคราะห์อภิมานen_US
dc.subjectสะเต็มศึกษาen_US
dc.subjectบูรณาการen_US
dc.titleการวิเคราะห์อภิมานงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาen_US
dc.title.alternativeMeta-Analysis of research on instructional of STEM educationen_US
dc.typeThesis
thailis.controlvocab.thashการวิเคราะห์อภิมาน-
thailis.controlvocab.thashวิทยาศาสตร์ -- การศึกษาและการสอน-
thailis.controlvocab.thashเทคโนโลยี -- การศึกษาและการสอน-
thesis.degreemasteren_US
thesis.description.thaiAbstractการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์ลักษณะและปริมาณของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา 2) เพื่อศึกษาค่าขนาดอิทธิพลของงานวิจัยที่จัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาจำแนกตามลักษณะการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ และวิธีวิทยาการวิจัย และ 3) เพื่อเปรียบเทียบค่าขนาดอิทธิพลของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาที่มีลักษณะการบูรณาการการจัดการเรียนรู้และวิธีวิทยาการวิจัยที่แตกต่างกัน ประชากร คือ งานวิจัยและวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา ที่พิมพ์เผยแพร่ระหว่างปี พ.ศ. 2558 - 2564 จำนวน 104 เรื่อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกลักษณะงานวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย คำนวณค่าขนาดอิทธิพลงานวิจัยโดยใช้การวิเคราะห์อภิมานด้วยวิธีการของกลาส และการวิเคราะห์ถดถอยอภิมานแบบอิทธิพลกำหนด และอิทธิพลสุ่ม ผลการศึกษา พบว่า 1. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาส่วนใหญ่ผลิตในปี พ.ศ. 2561 สาขาที่ผลิตงานวิจัยมากที่สุดคือสาขาการสอนวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ศึกษา ศึกษากับผู้เรียนในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมากที่สุด งานวิจัยส่วนใหญ่ได้หน่วยตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่ม ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน งานวิจัยส่วนใหญ่จัดการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ ในหน่วยการเรียนรู้ในกลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพมากที่สุด มีการสอนอยู่ระหว่าง 4 ถึง 6 สัปดาห์ ใช้รูปแบบการสอนแบบกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 6 ขั้นตอนมากที่สุด โดยมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา และมีลักษณะการออกแบบการบูรณาการการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการภายในวิชามากที่สุด 2. งานวิจัยที่ศึกษากับกลุ่มช่วงชั้นของผู้เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ และอุดมศึกษา มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย มากที่สุด งานวิจัยที่มีผู้เรียนอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านพุทธิพิสัย มากที่สุด ส่วนงานวิจัยที่ศึกษากับผู้เรียนอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านจิตพิสัย มากที่สุด และงานวิจัยที่ศึกษากับผู้เรียนอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านทักษะพิสัย มากที่สุด งานวิจัยที่มีลักษณะการบูรณาการการจัดการเรียนรู้แบบพหุวิทยาการ มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านพุทธิพิสัย และด้านทักษะพิสัยมากที่สุด ส่วนงานวิจัยที่มีลักษณะการบูรณาการการจัดการเรียนรู้แบบภายในวิชา มีค่าเฉลี่ยขนาดอิทธิพลด้านจิตพิสัยมากที่สุด 3. งานวิจัยวิจัยที่มีลักษณะการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ต่างกัน มีค่าขนาดอิทธิพลไม่ต่างกัน ส่วนงานวิจัยที่มีลักษณะงานวิจัยด้านวิทยาการวิจัยต่างกัน มีตัวแปรที่ส่งผลให้ค่าขนาดอิทธิพลต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ 1) จำนวนกลุ่มตัวอย่าง ส่งผลต่อค่าขนาดอิทธิพลด้านพุทธิพิสัย 2) วิธีได้กลุ่มตัวอย่าง ส่งผลต่อค่าขนาดอิทธิพลด้านทักษะพิสัย 3) การสุ่มแบ่งกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม ส่งผลต่อขนาดอิทธิพลด้านพุทธิพิสัย และทักษะพิสัยen_US
Appears in Collections:EDU: Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
ปรัชญา จีระยา 600232004.pdf4.93 MBAdobe PDFView/Open    Request a copy


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.