ปัจจัยทำนายการจัดการครอบครัวในผู้ดูแลเด็กโรคหืด

Abstract

โรคหืดเป็นปัญหาสุขภาพโรคหนึ่งในเด็กที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและผู้ดูแล วัตถุประสงค์ของการศึกษาแบบ หาความสัมพันธ์เชิงทำานายครั้งนี้ เพื่อศึกษาการจัดการครอบครัวและปัจจัยที่มีอำานาจการทำานายต่อการจัดการครอบครัวของผู้ดูแลเด็กโรคหืด กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ดูแลเด็กโรคหืดอายุ 1 เดือน ถึง 5 ปี ที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชและโรงพยาบาลหาดใหญ่ ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน พ.ศ. 2562 เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำานวน 119 ราย รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความรู้เรื่องโรคหืด แบบสอบถามความรุนแรงของโรคหืด แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม และแบบสอบถามการจัดการของครอบครัว วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการศึกษาพบว่า 1. การจัดการครอบครัวในผู้ดูแลเด็กโรคหืดโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (= 134.06) ค่าเฉลี่ยคะแนน การจัดการครอบครัวด้านง่ายอยู่ในระดับสูง (= 62.89) และค่าเฉลี่ยคะแนนจัดการครอบครัวด้านยากอยู่ในระดับต่ำ (= 71.16) แสดงว่าผู้ดูแลเด็กโรคหืดสามารถจัดการครอบครัวได้ง่าย 2. ปัจจัยที่มีอำานาจการทำานายต่อการจัดการครอบครัวในผู้ดูแลเด็กโรคหืด คือ ความรุนแรงของโรคหืดมี ความสัมพันธ์ทางบวกกับการจัดการครอบครัวในผู้ดูแลเด็กโรคหืด อย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติ (r =.268, p< .05) และทำนายการจัดการครอบครัวในผู้ดูแลเด็กโรคหืดได้ ร้อยละ 7.20 (R2=.072) ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำาไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาแนวทางการประเมินความรุนแรงของโรคหืด และแนวปฏิบัติทางการพยาบาล เพื่อลดความรุนแรงของโรคหืดและส่งเสริมการจัดการครอบครัวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Asthma is one of the health problems affecting children and their caregivers. This predictive correlational research studied family management and predictive factors of family management among caregivers of children with asthma. The sample, selected using purposive sampling, comprised 119 caregivers of children with asthma aged from 1 month to 5 years visiting the pediatric out-patient departments at Maharaj Nakhon Si Thammarat Hospital and Hatyai Hospital from April to June 2019. The instruments for data collection included the Asthma Knowledge Questionnaire, the Asthma Severity Questionnaire, the Social Support Questionnaire, and the Family Management Measure. Data were analyzed by descriptive statistics and stepwise multiple regression analysis. The results revealed that: 1. The overall mean scores of family management factors among caregivers of children with asthma were at a moderate level (  = 134.06). The mean scores of easy dimensions were at a high level ( = 62.89). and the mean scores of the difficult dimensions of family management were at a low level ( = 71.16). It was shown that the caregivers could easily perform family management. 2. The predictive factor of family management among caregivers of children with asthma was asthma severity. Asthma severity showed a statistically significant positive correlation with family management (r=.268, p<.05), and it was able to predict family management 7.20 (R2= .072). This study could be served as preliminary information in developing asthma severity assessment guidelines and nursing practice guidelines to decrease asthma severity and promote more effective family management.