Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/71075
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | Paravee Maneejuk | - |
dc.contributor.advisor | Woraphon Yamaka | - |
dc.contributor.author | Suwanna Khunpin | en_US |
dc.date.accessioned | 2020-11-30T04:16:22Z | - |
dc.date.available | 2020-11-30T04:16:22Z | - |
dc.date.issued | 2020-03 | - |
dc.identifier.uri | http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/71075 | - |
dc.description.abstract | The Relationship between research and development (R&D) and innovation is an interesting topic and many researchers have given pay attention. According to the existing studies, most researchers will study the relationship between research and development (R&D) and innovation. After that, the researcher will study the impact of innovation on economic growth by separating the study into two topics. However, in real-world research and development, innovation and economic growth tend to occur at the same time. Therefore, this study uses a simultaneous panel quantile regression with the fixed-effect model to analyze the relationships between these three variables at the same time instead of studying them separately. In addition, this research has divided the country into three levels which are low-level income countries, middle-level income countries and high-level income countries. The objective of this research is to examine the relationship between R&D and innovation and study the impact of innovation on economic growth. The data used in this research is annual data from Asian countries. Due to the data limitations, this research selected 26 countries in Asian countries to investigate the model. The selected countries are Armenia, Bangladesh, China, Georgia, Hong Kong, India, Indonesia, Iran, Israel, Japan, Jordan, Kazakhstan, Kyrgyzstan, South Korea, Macau, Malaysia, Mongolia, Pakistan, Philippines, Saudi Arabia, Singapore, Sri Lanka, Taiwan, Thailand, Uzbekistan and Vietnam. The data covers 1996 to 2017. The results show insignificant positive relationships between innovation and economic growth in low-level income countries and show a negative relationship between innovation and economic growth in middle-level income countries and highlevel income countries. This means that innovation alone cannot support or stimulate economic growth. On the other hand, the results show a significant positive relationship between R&D and innovation, which means that R&D expenditure encourages innovation in the case of low-level income countries, middle-level income countries and also high-level income countries. The results of this study are in accordance with the endogenous growth model which can support the results of this study. As technology changes and new inventions lead to innovation. | en_US |
dc.language.iso | en | en_US |
dc.publisher | เชียงใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | en_US |
dc.subject | Innovation | en_US |
dc.subject | Asian Economic | en_US |
dc.subject | Economic | en_US |
dc.title | Innovation and Asian economic growth | en_US |
dc.title.alternative | นวัตกรรมและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย | en_US |
dc.type | Thesis | - |
thailis.classification.ddc | 338.095 | - |
thailis.controlvocab.thash | Innovation | - |
thailis.controlvocab.thash | Asia -- Economic conditions | - |
thailis.manuscript.callnumber | Th 338.095 S967I | - |
thesis.degree | master | en_US |
thesis.description.thaiAbstract | การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรมนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่นักวิจัยหลายท่านได้ให้ความสนใจเป็ นอย่างยิ่ง และจากการศึกษางานวิจัยในอดีตที่ผ่านมา พบว่างานวิจัยที่มีอยู่ส่วนใหญ่นั้น ผู้วิจัยจะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรม จากนั้นผู้วิจัยจึงศึกษาต่อในเรื่องของผลกระทบของนวัตกรรมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยแยกศึกษาเป็ นสองเรื่องคือ เรื่องของผลกระทบของ R&D ต่อนวัตกรรมและของเรื่องของผลกระทบของนวัตกรรมต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามในโลกแห่งความเป็ น จริงการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจมักเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้จึงใช้แบบจําลองสมการเกี่ยวเนื่องการถดถอยแบบพาแนลควอนไทล์ เพื่อวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรงสามนี้คือ ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมและการ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันแทนที่จะศึกษาแยกกัน นอกจากนี้ผู้ศึกษาได้ทําการแบ่งกลุ่มประเทศออกเป็นสามระดับด้วยกันคือ ประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำ ประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง และประเทศที่มีรายได้ในระดับสูง ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้วัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ ระหว่าง R&D และนวัตกรรมและนอกจากนี้ยังศึกษาต่อในเรื่องของผลกระทบของนวัตกรรมที่มีผล ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยจะศึกษาไปพร้อมกัน ซึ่งข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลรายปี จากประเทศใน เอเชียแต่เนื่องด้วยข้อจํากัดทางด้านข้อมูลทําให้ไม่สามารถศึกษาได้ทุกประเทศในเอเชีย ผู้ศึกษาจึง เลือก 26 ประเทศในเอเชียมาทําการทดสอบดังนี้ อาร์มีเนีย บังกลาเทศ จีนจอร์เจีย ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน อิสราเอล ญี่ปุ่น จอร์แดน คาซัคสถาน คีร์กีซ เกาหลีใต้ มาเก๊า มาเลเซีย มองโกเลีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ ศรีลังกา ใต้หวัน ไทย อุซเบกิสถาน และเวียดนาม ซึ่งใช้ข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2560 ผลการศึกษาพบว่าความสัมพันธ์เชิงบวกที่ไม่มีนัยสําคัญระหว่างนวัตกรรมและการเติบโต ทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำ และแสดงความสัมพันธ์เชิงลบที่มีนัยสําคัญระหว่าง นวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางและประเทศที่มีรายได้ระดับสูง ซึ่งหมายความว่านวัตกรรมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถส่งผลกระทบในทางบวกอย่างมีนัยสําคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตามผลการศึกษาได้แสดงความสัมพันธ์เชิง บวกที่มีนัยสําคัญระหว่าง R&D และนวัตกรรม ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่าย R&D นั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมได้ ในประเทศทีมีรายได้ในระดับต่ำประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง ตลอดจนประเทศที่มีรายได้ในระดับสูง ผลการศึกษานี้เป็นไปตามทฤษฎีการเจริญเติบโตภายนอก (Endogenous growth model) เนืองจากการเปลียนแปลงทางเทคโนโลยีและการคิดค้นสิงใหม่ๆนั้นจะ ทําให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นด้วย | en_US |
Appears in Collections: | ECON: Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
601635967 Suwanna Khunpin.pdf | 1.44 MB | Adobe PDF | View/Open Request a copy |
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.