Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/68697
Title: | Newborn Care Practices and Self-Efficacy among Bangladeshi Mothers |
Other Titles: | การปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดและสมรรถนะแห่งตนของมารดา ชาวบังคลาเทศ |
Authors: | Beauty Akther Pimpaporn Klunklin Malee Urharmnuay |
Authors: | Beauty Akther Pimpaporn Klunklin Malee Urharmnuay |
Keywords: | The newborn care practice of mothers is a crucial issue for a newborn’s health status in order to reduce newborn morbidity and mortality. This descriptive correlational study aimed to examine the level of newborn care practices and self-efficacy, and the relationship between newborn care practices and self-efficacy among Bangladeshi mothers. The subjects were 105 mothers who provided newborn care at home and took their baby to receive vaccinations at an immunization center in Comilla Medical College Hospital when their baby was 6 - 8 weeks old. Data collection was carried out from May to June, 2015. The research instruments included the Newborn Care Practices of Mothers (NCPM) questionnaire and the Perceived Maternal Parenting Self-Efficacy (PMP S-E) tool, which were translated into Bangla by the researcher and were confirmed for validity by the experts. Their reliability coefficient was .87 and .81 respectively. Data were analyzed by using descriptive statistics and Spearman correlation coefficient. The findings revealed that: all of sample showed newborn care practices at a moderate level (88.57%) with a mean score of 83.20 (SD = 6.55). Self-efficacy on newborn care score was at a moderate level (68.57%) with a mean score of 57.15 (SD = 5.88). Self-efficacy on newborn care had a statistically significant positive relationship with newborn care practices (r = .55, p <0.000). The results of this study can be used by nurses in order to promote newborn care practices and self-efficacy regarding newborn care among Bangladeshi mothers. การดูแลทารกแรกเกิดของมารดาเป็นการปฏิบัติที่สำคัญในการดูแลสุขภาพทารก ป้องกันการเจ็บป่วยและลดอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด การศึกษาเชิงพรรณาแบบหาความสัมพันธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับของการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดในมารดาชาวบังคลาเทศ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 105 คน เป็นมารดาที่ให้การดูแลทารกแรกเกิดที่บ้านและนำทารกมารับบริการวัคซีนที่ศูนย์การให้ภูมิคุ้มกันในโรงพยาบาลวิทยาลัยแพทย์โคมิลา เมื่อทารกอายุ 6-8 สัปดาห์ รวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาซึ่งแปลเป็นภาษาบังคลาเทศโดยผู้วิจัย ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา และได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .87 และ .81 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ของสเปียร์แมน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิด อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 88.57 โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 83.20 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 6.55 และ ร้อยละ 68.57 มีคะแนนสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 57.15 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 5.88 สมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดามีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดของมารดา (r =.55, p < 0.000) ลการศึกษาครั้งนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้พยาบาลนำไปใช้ส่งเสริมการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาชาวบังคลาเทศต่อไป;elf-efficacy;mother |
Issue Date: | 2020 |
Publisher: | Faculty of Nursing, Chiang Mai University |
Citation: | Nursing Journal 47,1 (Jan-Mar 2020), 388-399 |
Abstract: | The newborn care practice of mothers is a crucial issue for a newborn’s health status in order to reduce newborn morbidity and mortality. This descriptive correlational study aimed to examine the level of newborn care practices and self-efficacy, and the relationship between newborn care practices and self-efficacy among Bangladeshi mothers. The subjects were 105 mothers who provided newborn care at home and took their baby to receive vaccinations at an immunization center in Comilla Medical College Hospital when their baby was 6 - 8 weeks old. Data collection was carried out from May to June, 2015. The research instruments included the Newborn Care Practices of Mothers (NCPM) questionnaire and the Perceived Maternal Parenting Self-Efficacy (PMP S-E) tool, which were translated into Bangla by the researcher and were confirmed for validity by the experts. Their reliability coefficient was .87 and .81 respectively. Data were analyzed by using descriptive statistics and Spearman correlation coefficient. The findings revealed that: all of sample showed newborn care practices at a moderate level (88.57%) with a mean score of 83.20 (SD = 6.55). Self-efficacy on newborn care score was at a moderate level (68.57%) with a mean score of 57.15 (SD = 5.88). Self-efficacy on newborn care had a statistically significant positive relationship with newborn care practices (r = .55, p <0.000). The results of this study can be used by nurses in order to promote newborn care practices and self-efficacy regarding newborn care among Bangladeshi mothers. การดูแลทารกแรกเกิดของมารดาเป็นการปฏิบัติที่สำคัญในการดูแลสุขภาพทารก ป้องกันการเจ็บป่วยและลดอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด การศึกษาเชิงพรรณาแบบหาความสัมพันธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับของการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดในมารดาชาวบังคลาเทศ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 105 คน เป็นมารดาที่ให้การดูแลทารกแรกเกิดที่บ้านและนำทารกมารับบริการวัคซีนที่ศูนย์การให้ภูมิคุ้มกันในโรงพยาบาลวิทยาลัยแพทย์โคมิลา เมื่อทารกอายุ 6-8 สัปดาห์ รวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาซึ่งแปลเป็นภาษาบังคลาเทศโดยผู้วิจัย ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา และได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .87 และ .81 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ของสเปียร์แมน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิด อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 88.57 โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 83.20 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 6.55 และ ร้อยละ 68.57 มีคะแนนสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 57.15 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 5.88 สมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดามีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดของมารดา (r =.55, p < 0.000) ลการศึกษาครั้งนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้พยาบาลนำไปใช้ส่งเสริมการปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดและสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดของมารดาชาวบังคลาเทศต่อไป |
Description: | Nurse Journal is an academic journal that disseminates nursing knowledge and midwifery, including new knowledge in health and is a medium for exchanging knowledge and opinions about the nursing profession and creating related relationships. Good relationship between colleagues and the image of the nursing profession, prepared by the Nurses Association of Thailand 4 times per year Nurse Journal is an academic journal that disseminates nursing knowledge and midwifery, including new knowledge in health and is a medium for exchanging knowledge and opinions about the nursing profession and creating related relationships. Good relationship between colleagues and the image of the nursing profession, prepared by the Nurses Association of Thailand 4 times per year |
URI: | https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/240766/164093 http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/68697 |
ISSN: | 0125-0078 |
Appears in Collections: | CMUL: Journal Articles |
Files in This Item:
There are no files associated with this item.
Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.