Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67290
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorศศิประภา ประคำสายen_US
dc.contributor.authorพัชราวรรณ ศีลธรรมพิทักษ์en_US
dc.contributor.authorพิสัยศิษฎ์ ชัยจรีนนท์en_US
dc.date.accessioned2020-04-02T14:43:14Z-
dc.date.available2020-04-02T14:43:14Z-
dc.date.issued2560en_US
dc.identifier.citationเชียงใหม่ทันตแพทยสาร 38,3 (ก.ย.-ธ.ค. 2560) 77-88en_US
dc.identifier.issn0857-6920en_US
dc.identifier.urihttp://web1.dent.cmu.ac.th/cmdj/fulltext/fulltext_2560_38_3_462.pdfen_US
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67290-
dc.descriptionเชียงใหม่ทันตแพทยสาร เป็นวารสารวิชาการทางทันตกรรมจัดทำขึ้นโดย คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีขอบข่ายและวัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวมบทวิทยาการที่เป็นงานวิจัยพื้นฐาน งานวิจัยประยุกต์ บทความปริทัศน์ รายงานผู้ป่วย และบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานทันตกรรมทุกสาขา ที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองมาแล้วจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้เนื้อหาของบทความสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งการปฏิบัติงานในคลินิกและชุมชน รวมถึงนำไปต่อยอดสำหรับการทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางทันตกรรมต่อไป โดยมีกำหนดการตีพิมพ์วารสาร ปีละ 3 ครั้ง คือ ประจำเดือนมกราคม – เมษายน, พฤษภาคม – สิงหาคม และ กันยายน – ธันวาคมen_US
dc.description.abstractวัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของการปรับสภาพพื้นผิวโพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตนด้วยกรดซัลฟูริกที่ความเข้มข้นต่าง ๆต่อความแข็งผิวระดับจุลภาคและลักษณะจุลสัณฐานวิทยา ระเบียบและวิธีการวิจัย: นำโพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 98.5 มิลลิเมตรหนา 18 มิลลิเมตรมาตัดด้วยเครื่องไอโซเมท ได้ชิ้นงานขนาด 5×5×2 มิลลิเมตร จำนวน 40 ชิ้น ยึดลงในแม่แบบวงแหวนเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 มิลลิเมตร สูง 10 มิลลิเมตรด้วยอะคริลิกเรซินชนิดบ่มเอง ขัดพื้นผิวชิ้นงานให้เรียบด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายเบอร์ 400 800 1,200 และ 2,000 แบ่งชิ้นงานเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 8 ชิ้น ได้แก่ กลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้รับการปรับสภาพพื้นผิว และกลุ่มทดลองจำนวน4 กลุ่มที่ได้รับการปรับสภาพพื้นผิวด้วยกรดซัลฟูริกร้อยละ70 80 90 และ 98 เป็นเวลา 1 นาที ภายหลังการปรับสภาพพื้นผิวล้างออกด้วยน้ำปราศจากไอออนทำความสะอาดด้วยเครื่องอัลตราโซนิกเป็นเวลา 10 นาที ทิ้งไว้ให้แห้ง ณ อุณหภูมิห้องก่อนนำไปทดสอบความแข็งผิววิกเกอร์ส ระดับจุลภาคและวิเคราะห์ลักษณะจุลสัณฐานวิทยาของพื้นผิวชิ้นงานด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอนชนิดส่องกราด วิเคราะห์ทางสถิติด้วยความแปรปรวนแบบทางเดียวและการเปรียบเทียบเชิงซ้อนชนิดทูกีย์ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 (p < 0.05) ผลการศึกษา: กลุ่มที่ปรับสภาพพื้นผิวด้วยกรดซัลฟูริกความเข้มข้นร้อยละ 98 ให้ค่าของความแข็งผิวระดับจุลภาคน้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเท่ากับ 8.08 เมกะปาสคาล ในขณะที่กลุ่มกรดซัลฟูริกร้อยละ 70 80 และ 90 มีค่าความแข็งผิวระดับจุลภาคเท่ากับ 25.12 25.62 และ 24.58 เมกะปาสคาลตามลำดับ ลักษณะจุลสัณฐานวิทยาของกลุ่มที่ปรับสภาพพื้นผิวด้วยซัลฟูริกร้อยละ 70 80 และ 90 พบลักษณะพื้นผิวไม่เรียบ มีรูพรุนกระจายโดยทั่วไป โดยมีขนาดและจำนวนของรูพรุนเพิ่มขึ้นตามลำดับและกลุ่มซัลฟูริกร้อยละ 98 พบลักษณะโครงร่างตาข่าย สรุปผลการศึกษา: ผลของการศึกษาของการทดลองนี้สรุปได้ว่าการใช้กรดซัลฟูริกความเข้มข้นร้อยละ 98 ปรับสภาพพื้นผิวเป็นระยะเวลา 1 นาที ส่งผลให้พื้นผิวโพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตนเกิดการกัดกร่อนที่มากเกินไปทำให้ระดับความแข็งผิววิกเกอร์สลดลงอย่างมีนัยสำคัญen_US
dc.language.isoThaen_US
dc.publisherคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.subjectโพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตนen_US
dc.subjectกรดซัลฟูริกen_US
dc.subjectความแข็ง ผิววิกเกอร์สen_US
dc.titleผลของการปรับสภาพพื้นผิวโพลีอีเทอร์อีเทอร์คีโตนด้วยกรดซัลฟูริกต่อความแข็งผิวระดับจุลภาคและลักษณะจุลสัณฐานวิทยาen_US
dc.title.alternativeEffects of Surface Pretreatment on Polyetheretherketone with Sulfuric Acid on Microhardness and Microscopic Morphologyen_US
Appears in Collections:CMUL: Journal Articles

Files in This Item:
There are no files associated with this item.


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.