Please use this identifier to cite or link to this item: http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67058
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุลen_US
dc.date.accessioned2019-12-03T09:01:06Z-
dc.date.available2019-12-03T09:01:06Z-
dc.date.issued2559en_US
dc.identifier.citationวารสารสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 9,2 (ก.ค.-ธ.ย.2560) 170-205en_US
dc.identifier.issn0125-4138en_US
dc.identifier.urihttps://www.tci-thaijo.org/index.php/CMUJLSS/article/view/72960/58686en_US
dc.identifier.urihttp://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/67058-
dc.descriptionวารสารสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นวารสารวิชาการทางกฎหมายซึ่งตีพิมพ์บทความวิชาการและบทความวิจัยจากบุคคลทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย จัดพิมพ์ราย 6 เดือน ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม – มิถุนายน ฉบับที่ 2 เดือน กรกฏาคม – ธันวาคมen_US
dc.description.abstractภายหลังก้าวข้ามเส้นพรมแดน สถานะบุคคลตามกฎหมาย คนอพยพย้ายถิ่นด้วยเหตุผลหนีภัยการสู้รบในประเทศต้นทางหรือด้วยเหตุอื่นๆ เริ่มต้นด้วย “คนเข้าเมืองผิดกฎหมาย” ในเวลาเดียวกันภายใต้นโยบาย “จด-นับ” ของรัฐไทย ผู้อพยพย้ายถิ่นกลุ่มนี้ถูกจำแนกและนิยามให้เป็น “ชนกลุ่มน้อย” กลุ่มต่างๆ ผ่านเอกสารแสดงตนที่มีสีแตกต่างกันมากกว่า 17 กลุ่ม (ปัจจุบันถูกยุบรวมเป็นบัตรสีเดียวกันหมดแล้ว) และเลขประจำตัวสิบสามหลัก สถานะคนกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกแช่แข็งอยู่กับการเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้ หากรัฐไทยเห็นว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งการผสมกลมกลืนกับสังคมไทยแล้ว ก็จะ “ให้” สถานะใหม่หรือเปิดโอกาสให้คนที่อพยพเข้ามา และเจเนอเรชั่นที่สองที่เกิดในไทย เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นสมาชิกในสังคมไทย กระบวนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวดูเหมือนจะมี “แบบแผน”ของทางปฏิบัติ แต่ขาดความเป็นระบบ ทำให้เกิดกรณี “คน ‘ตกหล่น’” กระบวนการเปลี่ยนผ่านสถานะบุคคล เนื้อหาในบทความนี้เป็นการเลือกหยิบเนื้อหาบางส่วนจากโครงการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพิสูจน์และพัฒนาสิทธิในสุขภาวะของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล โดยกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งดำเนินงานวิจัยผ่านงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสิทธิด้านต่างๆ ของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล (มีคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติรวมอยู่ด้วย) ใน 3 พื้นที่ คืออ.อุ้มผาง จ.ตาก อ.เมืองระนอง จ.ระนอง และ ต.เสาหินและ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้ระยะเวลาการดำเนินงานพบว่ามี 65 กรณีศึกษาที่สะท้อนถึงปัญหาและข้อจำกัดของการเข้าถึงและพัฒนาสิทธิด้านต่างๆ ของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล และงานพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายด้านสิทธิในสุขภาวะของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล ซึ่งเป็นการพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายผ่านรูปแบบคณะทำงานที่ประกอบไปด้วยภาควิชาการ นักวิชาการในหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฯลฯ เพื่อเสนอข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาสิทธิในสถานะบุคคลของกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิม ผู้อพยพรุ่นที่หนึ่งและรุ่นที่สอง (กรณีชนกลุ่มน้อย) คนไร้เอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ปรากฏตัวในประเทศไทย และกลุ่มคนไทยพลัดถิ่น ทั้งสองโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของชุดโครงการพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนข้อเสนอแนะที่เอื้อต่อการพิสูจน์และพัฒนาสิทธิในสถานะบุคคลเพื่อสุขภาวะของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล (1 ตุลาคม 2557-31 มีนาคม 2559) ดำเนินการโดยโครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) สำนัก 9 บทความนี้ประกอบไปด้วยประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การสะท้อนถึงความเข้าใจต่อสถานะบุคคลตามกฎหมายของผู้อพยพย้ายถิ่น กลุ่มชนกลุ่มน้อยและลูกหลานที่เกิดในประเทศไทยด้วยสายตาของพวกเขาเอง แบบแผนของทางปฏิบัติในการเปลี่ยนผ่านจากสถานะคนเข้าเมืองผิดกฎหมายของผู้อพยพย้ายถิ่นไปสู่การเข้าถึงสิทธิด้านต่างๆ ที่สำคัญการเข้าเป็นสมาชิกของสังคมไทย “คนตกหล่น” กระบวนการเปลี่ยนผ่านสถานะฯ และข้อเสนอแนะเบื้องต้นen_US
dc.language.isoThaen_US
dc.publisherวารสารสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่en_US
dc.subjectคนอพยพย้ายถิ่นen_US
dc.subjectชนกลุ่มน้อยen_US
dc.subjectการพัฒนาสิทธิในสถานะบุคคลen_US
dc.subjectคนไร้รัฐไร้สัญชาติen_US
dc.titleหลังข้ามเส้นพรมแดนสถานะตามกฎหมายของคนย้ายถิ่น (กรณีชนกลุ่มน้อย)en_US
dc.title.alternativeAfter Border Crossing: Legal Status of Ethnic Migrants in Thailanden_US
Appears in Collections:CMUL: Journal Articles

Files in This Item:
There are no files associated with this item.


Items in CMUIR are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.