บทบาทของพยาบาลในการดำเนินงานอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ

Abstract

ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติบทบาทผู้ให้ความรู้ ผู้วิจัย ผู้จัดการรายกรณี ผู้ให้การปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้จัดการ และผู้ให้บริการทางคลินิก อยู่ในระดับมากเพียง ร้อยละ 9.56 – 18.26 ขณะที่บทบาทผู้วิจัยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยถึงร้อยละ 35.65 โดยบทบาทผู้ให้บริการทางคลินิก ที่ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 86.05) ปฏิบัติเป็นประจำ คือ การรักษาข้อมูลสุขภาพคนทำงานเป็นความลับ ขณะที่บทบาทผู้จัดการรายกรณีมีเพียง ร้อยละ 39.13 ที่มีการประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลคนทำงานที่เจ็บป่วยและบาดเจ็บ มีเพียงหนึ่งในห้าของกลุ่มตัวอย่างที่ดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นประจำ ขณะที่บทบาทผู้ให้ความรู้ ร้อยละ 37.39 มีการเผยแพร่ความรู้ให้คนทำงานในรูปแบบต่างๆ เป็นประจำ ที่น่าสังเกตคือ บทบาทผู้วิจัย กลุ่มตัวอย่างทุกคนไม่เคยทำการวิจัยและเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านการพยาบาลอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างการปฏิบัติตามบทบาทที่พึงประสงค์ในพยาบาลสำหรับการดำเนินงานอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ ผู้บริหารสถานประกอบการควรสนับสนุนให้พยาบาลได้รับการศึกษา อบรมเพิ่มเติมด้านการพยาบาลอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างการปฏิบัติตามบทบาทที่จำเป็นของพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการบริการพยาบาลอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม